สุนทรพจน์ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ในโอกาสวันสถาปนาครบรอบ 108 ปี สาธารณรัฐจีน

            วันที่ 10 ต.ค. เป็นวันชาติไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ครบรอบ 108 ปี ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำไต้หวัน ได้กล่าวสุนทรพจน์ภายใต้หัวข้อ “ชาติที่เข้มแข็งทรหด ก้าวสู่ประชาคมโลก” โดยมีสาระที่ต้องนำพาประเทศชาติก้าวไปอย่างมั่นคง รับมือท่ามกลางสถานการณ์โลกที่แปรเปลี่ยนไป สะสมพละกำลังให้เข้มแข็ง และนอกจากจะย้ำถึงความเข้มแข็งและทรหดอดทนของชาติแล้ว ยังเรียกร้องให้ประชาชนต้องสามัคคีกัน ร่วมกันปกป้องประชาธิปไตย เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ไต้หวัน ขณะเดียวกัน ผู้นำไต้หวันกล่าวถึงเป้าหมายในอนาคตของประเทศชาติ ประกอบด้วย ความสามัคคีภายใต้ธงแห่งเสรีภาพประชาธิปไตย ปกป้องอธิปไตย เสริมความเข้มแข็งให้แก่ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เสริมพลังทางเศรษฐกิจ และก้าวสู่ประชาคมโลก ยืนบนเวทีระหว่างประเทศด้วยความองอาจเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น

             สุนทรพจน์ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ในโอกาสฉลองวันชาติปีนี้ แบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก สถานการณ์แปรปรวนที่ไต้หวันกำลังเผชิญหน้าอยู่ในปัจจุบัน นอกจากต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์แปรปรวนดังกล่าวอย่างเต็มที่แล้ว ยังต้องก้าวไปอย่างมั่นคง สะสมพลังให้เข้มแข็ง ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินย้ำว่า “ปัจจุบันไต้หวันกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์โลกที่แปรปรวนอย่างไม่เคยมีมาก่อน รัฐบาลนอกจากจะต้องรับมือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศที่พลิกผันแล้ว ในปีนี้ จีนเริ่มผลักดันแผนการ “หนึ่งประเทศสองระบอบสำหรับไต้หวัน” ประสานกับการข่มขู่ทั้งด้านการทหารและโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสถานการณ์ในภูมิภาค ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ไต้หวันจำเป็นต้องเร่งสะสมเสริมพลังประเทศชาติให้เข้มแข็งในเร็ววัน รับมือด้วยความสุขุมและมั่นคง ในฐานะผู้นำ ตนจะปกป้องอธิปไตยแห่งชาติ เพื่อรักษาช่องทางในการเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างประเทศของไต้หวันให้จงได้

             ประการต่อมาก็คือ ชาวไต้หวันทั้งมวลได้ร่วมกันผ่านความท้าทายมามากมายในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศชาติได้เติบใหญ่เข้มแข็งและทรหดมาจนทุกวันนี้ ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้กล่าวถึงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชาวไต้หวันต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายอันยากลำบากนานัปการ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจระหว่างประเทศ หรือการข่มขู่ด้วยกำลังอาวุธจากจีน หรือภัยพิบัติธรรมชาติร้ายแรง ล้วนพิสูจน์ถึงความทรหดอดทนอย่างหาที่เปรียบมิได้ของชาวไต้หวัน และด้วยความทรหดเช่นนี้ ไต้หวันจึงได้ก่อร่างสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นท่ามกลางความยากลำบาก และด้วยเหตุนี้ไต้หวันจึงกลายเป็น 1 ใน 4 เสือทางเศรษฐกิจแห่งเอเชีย

            ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินย้ำว่า ประสบการณ์ร่วมกันเหล่านี้ทำให้เข้าใจดีว่า ชาวไต้หวันไม่อาจแตกแยกเป็นฝักเป็นฝ่ายได้ ต้องผนึกกำลังเป็นหนึ่งเดียว และยินดีที่จะร่วมมุมานะต่อสู้ต่อไป

            ประการที่สาม ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินยังได้เรียกร้องให้ประชาชนทั้งประเทศสามัคคีกัน ร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องประชาธิปไตย เสริมสร้างไต้หวันให้เข้มแข็ง พร้อมกล่าวถึงการเผชิญหน้ากับแรงบีบคั้นรอบด้านจากจีน  ไต้หวันในฐานะปราการด่านแรกของการปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก นอกจากจะทำหน้าที่ของการเป็นสมาชิกประชาคมโลกที่ดี ผนึกกำลังกับประเทศที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันเพื่อรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวันแล้ว ภารกิจเร่งด่วนในขณะนี้คือ ต้องสามัคคีกัน เจรจาหารือและบรรลุฉันทามติเพื่อให้ประเทศชาติก้าวไปบนเส้นทางที่ถูกต้องและรุดไปข้างหน้า  ต้องยืนหยัดรักษาค่านิยมประชาธิปไตยที่ได้มาอย่างยากเย็นเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง ต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ไต้หวัน เพื่อให้ไต้หวัน ซึ่งในช่วงสามปีที่ผ่านมา มีการยกระดับและปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม  อีกทั้งวางรากฐานในด้านต่างๆ ในสากล สามารถพัฒนาต่อไปได้อย่างมั่นคง และเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด

            ขณะเดียวกัน นอกจากอาศัยพื้นฐานที่สร้างไว้ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลมากขึ้น และบรรเทาภาระที่หนักอึ้งลงแล้ว ในด้านการป้องกันประเทศโดยพึ่งพาตนเอง สร้างเสริมขวัญและกำลังใจให้แก่เหล่าทหารหาญ เสริมแสนยานุภาพด้านการรบ เพื่อให้กองทัพมีศักยภาพในการปกป้องผืนแผ่นดินนี้ไว้ อีกทั้งจะใช้รากฐานที่สร้างขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้  อุทิศคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลก เพื่อให้ไต้หวันกลายเป็นพลังดีงามที่ขาดเสียไม่ได้สำหรับการเสริมสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค

            ในตอนท้าย ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินได้ประกาศเป้าหมายอันดับต่อไปของประเทศ พร้อมฟื้นฟูความเชื่อมั่นของชาวไต้หวัน เพื่อให้ไต้หวันกลายเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่ขาดเสียไม่ได้ อันดับแรกคือ ชาวไต้หวันต้องสามัคคีกันภายใต้ระบอบเสรีภาพและประชาธิปไตย  ปกป้องอธิปไตย

            อันดับที่สอง เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ไต้หวัน เสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนมั่งคั่งร่ำรวย ประเทศชาติเจริญรุ่งเรือง

            อันดับที่สาม ก้าวไปสู่สากล ทำให้ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ก้าวขึ้นไปยืนบนเวทีสากลได้อย่างเต็มภาคภูมิ

            ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินยังได้กล่าวถึงชาวไต้หวันที่ไปสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติในเวทีสากลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา  ไม่ว่าจะในด้านอุตสาหกรรม เศรษฐกิจ การแข่งขันระดับนานาชาติ หรือการวิจัยเทคโนโลยี ผู้นำไต้หวันเห็นว่า เพราะความทรหด เข้มแข็งและความเพียรพยายามของชาวไต้หวัน ตลอดจนความสามัคคีภายใต้ร่มเงาของระบอบเสรีประชาธิปไตย จะทำให้ไต้หวันแข็งแกร่ง รุ่งเรืองและเจริญก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ