
ปธน. ไช่ฯ ได้กล่าวย้ำในสุนทรพจน์ฉลองวันชาติ ไต้หวัน สาธารณรัฐจีน ในวันนี้อีกว่า ความท้าทายที่ประเทศชาติของเรากำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ใช่มีเพียงความปลอดภัยด้านการทหารเช่นในอดีตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่การกดดันด้านการทูต การแทรกซึมทางสังคม กระทั่งความปลอดภัยทางเศรษฐกิจ ล้วนเป็นเครื่องมือที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามได้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ภารกิจเร่งด่วนก็คือ ต้องสร้างยุทธศาสตร์โดยรวมขึ้น เริ่มเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติ
นอกจากนี้ ผู้นำไต้หวัน ยังได้กล่าวย้ำว่า เครือข่ายแห่งความมั่นคงปลอดภัยแห่งชาติอันดับแรกก็คือ ต้องเสริมสร้างการเชื่อมต่อด้านการทูตให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น สร้างให้ไต้หวันมีความสำคัญที่ไม่อาจมีสิ่งอื่นมาทดแทนได้
ไต้หวันตั้งอยู่ในจุดภูมิรัฐศาสตร์ที่มีความสำคัญยิ่งทางยุทธศาสตร์ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการแปรเปลี่ยนของสถานการณ์โลก การเลือกใช้ยุทธศาสตร์ของเราแจ่มชัดยิ่ง นั่นก็คือ ยืนหยัดในเสรีภาพประชาธิปไตย และเศรษฐกิจการตลาด คุณค่าพื้นฐานสองประการนี้ ได้ทำให้ไต้หวันกลายเป็นแบบอย่างแห่งประชาธิปไตยในเอเชีย และเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของไต้หวันให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น
ส่วนประการที่ 3 ก็คือการป้องกันการแทรกซึมและบ่อนทำลายจากภายนอก ปกป้องระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจสังคม เสรีภาพประชาธิปไตยของไต้หวันเป็นค่านิยมที่พวกเราต้องร่วมกันปกป้อง จะไม่ยอมให้ผู้ใดอาศัยเสรีภาพของสังคมไต้หวันเข้ามาแทรกซึมทำให้เกิดความวุ่นวาย ไม่นิ่งดูดายอย่างเด็ดขาด
ผู้นำไต้หวัน ระบุว่า “ไม่ว่าจะมีการปล่อยข่าวเท็จหรือสอดแนมข่าวกรองของไต้หวัน ตลอดจนโจรกรรมความลับทางเทคโนโลยีหรือจงใจทำลายระบบความปลอดภัยสารสนเทศ หรือพฤติกรรมการแทรกแซงเลือกตั้ง ก่อกวนการบริหารประเทศด้วยวิธีการต่างๆ หากตรวจพบมีหลักฐาน พวกเราจะจัดการจนถึงที่สุด”
ประการที่ 4 คือ การปฏิรูปและการปรับโครงสร้างใหม่ด้านกลยุทธ์เศรษฐกิจการค้าโลก ไต้หวันต้องปรับยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าของสองมหาอำนาจจีนกับสหรัฐฯ ที่กำลังแปรเปลี่ยนเลวร้ายลง สร้างบทบาทในฐานะส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมการผลิตของโลก พัฒนาเศรษฐกิจไต้หวันได้ก้าวสู่สถานการณ์ใหม่เหล่านี้ ยกระดับการผลิตให้สูงขึ้นตามไปด้วย